BIODIVERSITY & REGENERATIVE

รู้แล้วจะหนาว ! ถ้าบริษัทไม่คิดถึงความเสี่ยงด้าน ESG

ปัจจุบันธุรกิจต่างๆ เริ่มตื่นตัวโดยบูรณาการ ความเสี่ยงด้าน ESG หรือสิ่งแวดล้อม  (Environmental) สังคม (Social)และบรรษัทภิบาล เข้าไปตั้งแต่การกำหนดพันธกิจ กลยุทธ์ และ การบริหารจัดการความเสี่ยง

จากรายงาน The Global Risks Report 2018จัดทำโดย WEF  (World Economic Forum) พบว่า 5อันดับแรก ของความเสี่ยง ที่ธุรกิจให้ความสำคัญ ในปี 2561คือ

 

1.ความเสี่ยงจาก ภัยพิบัติจากการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศแบบกะทันหัน (Extreme Weather Events)

2.ภัยธรรมชาติ (Natural Disaster)

3.การโจมตีทาง ไซเบอร์ (Cyberattacks)

4.การปลอมแปลงหรือการโจรกรรมข้อมูล (Data Fraud or Theft)

5.ความเสี่ยงจากความล้มเหลวในการปรับตัวและ การบรรเทาผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Failure of Climate Change Mitigation and Adaption)

 

ทั้ง 5 ล้วนเป็นความเสี่ยง ด้าน ESGและเมื่อเทียบกับข้อมูลในปี 2551แล้วพบว่า ความเสี่ยงที่ธุรกิจให้ความสำคัญส่วนใหญ่จะเป็นประเด็นเชิงเศรษฐกิจ เช่น ราคา สินทรัพย์ลดลงอย่างรุนแรง  การชะลอตัวของเศรษฐกิจในประเทศจีน ราคาน้ำมันและแก๊สตกต่ำเป็นต้น

 

ลักษณะความเสี่ยง ESGเกิดได้ทั้งจากปัจจัยภายในและภายนอกองค์กร โดยเป็นความเสี่ยงที่อาจส่งผลกระทบที่คาดเดาได้ยาก ไม่สามารถคาดการณ์ช่วงเวลาที่จะเกิดได้แน่นอน  Timeframe รวมถึงประเมินผลกระทบในเชิงปริมาณหรือออกมาเป็นตัวเงินได้ยาก ซึ่งหากไม่มีกระบวนการบริหารจัดการความเสี่ยงที่ดีอาจส่งผลกระทบต่อความสามารถของบริษัทในการขับเคลื่อนธุรกิจทั้งในระยะกลางหรือระยะยาว รวมถึงการตัดสินใจลงทุนของนักลงทุน

 

ความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับประเด็นด้าน “ESG”หรือ “ความเสี่ยงด้านความยั่งยืน” นั้น เป็นความท้าทาย ที่องค์กรจะต้องหาวิธีการบริหารจัดการความเสี่ยงที่แตกต่างไปจากเดิม !!

 

Cr. ชยาภา ชยาวิวัฒนาวงศ์

ฝ่ายพัฒนาธุรกิจเพื่อความยั่งยืน

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

ข่าวเกี่ยวข้อง

You Might Also Like