SD DAILY

“กรุงไทย” ส่ง “สินเชื่อกรุงไทยเพื่อความยั่งยืน (ESG)” เพื่อ SMEs

26 มีนาคม 2566.ธนาคารกรุงไทย สนับสนุนธุรกิจ SMEs ปรับตัวรับทิศทางธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สู่การเติบโตอย่างยั่งยืนด้วย “สินเชื่อกรุงไทยเพื่อความยั่งยืน (ESG)” ครอบคลุมการลงทุน ปรับเปลี่ยนอุปกรณ์เพื่อลดการใช้พลังงาน ดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม สนับสนุนวงเงินสูงสุด 100% ของมูลค่าการลงทุน ผ่อนนาน 10 ปี

วีระพงศ์ ศุภเศรษฐ์ศักดิ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานธุรกิจขนาดกลาง ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ธนาคารกรุงไทย ดำเนินธุรกิจโดยให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG)  พร้อมสนับสนุนภาคธุรกิจ SMEs ปรับตัวรับโลกธุรกิจยุคใหม่ที่มุ่งใช้พลังงานสะอาด และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emission) เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน  ผ่าน “สินเชื่อกรุงไทยเพื่อความยั่งยืน(ESG)”  โดยสนับสนุนเงินทุนสำหรับดำเนินธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม หรือปรับเปลี่ยน ปรับปรุงอุปกรณ์ และกระบวนการผลิตเพื่อลดการใช้พลังงาน  ดังนี้

1.ด้านการบริหารจัดการพลังงาน  ลดการใช้ทรัพยากร เพิ่มประสิทธิภาพในการใช้พลังงาน หรือ เพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานหมุนเวียนในกระบวนการผลิต  รวมถึงนวัตกรรมจัดการด้านสิ่งแวดล้อม เช่น การคิดค้นกระบวนการผลิตใหม่ที่ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

2.ด้านการอนุรักษ์พลังงาน  การเปลี่ยนเครื่องจักรที่มีประสิทธิภาพสูงหรือเปลี่ยนอุปกรณ์ประหยัดพลังงาน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้พลังงานหรือประสิทธิภาพในกระบวนการผลิต

3.ด้านการดำเนินธุรกิจโดยใช้พลังงานทดแทนต่างๆ เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานน้ำ พลังงานลม การติดตั้ง Solar Rooftop / Biogas รวมถึงโครงการที่เกี่ยวข้องกับการรองรับการขยายตัวของยานยนต์ไฟฟ้าหรือยานยนต์พลังงานสะอาด เช่น รถขนส่งพลังงานไฟฟ้า (EV)หรือ  Green Logistic เป็นต้น

4.ด้านดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม ทั้งการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน ก๊าซเรือนกระจก ก๊าซพิษ รวมถึงการลดการปล่อยของเสียสู่สิ่งแวดล้อม  เช่น การบำบัดน้ำเสีย หรือการเปลี่ยนเครื่องจักรเพื่อลดส่วนสูญเสียในการผลิต เป็นต้น

สินเชื่อกรุงไทยเพื่อความยั่งยืน (ESG) สำหรับผู้ประกอบการ SMEs ที่เป็นนิติบุคคล มียอดขายมากกว่า 100 ล้านบาทต่อปี ครอบคลุมทั้งสินเชื่อใหม่ และสินเชื่อเพิ่มเติม สนับสนุนวงเงินสูงสุด 100% ของมูลค่าการลงทุน ผ่อนนานสูงสุด 10 ปี

ตัวอย่างลูกค้าที่ใช้ สินเชื่อกรุงไทยเพื่อความยั่งยืน (ESG) คือ ชลากร เอกชัยพัฒนกุล หนึ่งในผู้ก่อตั้ง บริษัทปลูกผักเพราะรักแม่ ( โอ้กะจู๋) เปิดเผยว่าโอ้กะจู๋ทำธุรกิจโดยให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม โดยหันมาใช้พลังงานสะอาดในการบริหารจัดการในธุรกิจด้วยการติดตั้ง Solar Rooftop เพื่อผลิตไฟฟ้าใช้ในร้านอาหาร และฟาร์มปลูกผัก พร้อมนำแนวคิด Zero Waste เข้ามาประยุกต์ใช้ควบคู่กับกระบวนการผลิตแบบเกษตรอินทรีย์ เพื่อบริหารจัดการของเสีย เศษขยะต่างๆ ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ทั้งเศษอาหารเหลือทิ้งจากร้านอาหาร เศษตัดแต่งกิ่งไม้ หรือเศษวัสดุตามชุมชน นำมาผลิตเป็นปุ๋ยหมักใช้ในการปลูกผักที่ฟาร์ม ลดขยะและตอบโจทย์การเกษตรอินทรีย์ จากการสนับสนุนจากธนาคารกรุงไทยที่ผ่านมา ทำให้บริษัทมีเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจได้ตามความตั้งใจ เพื่อสร้างการเติบโตที่มั่นคงและยั่งยืน

 

You Might Also Like

No Comments

Leave a Reply