TALK

เอสซีจี เผย “เทคโนโลยีเพื่อชีวิตที่ดีกว่า” ต้องดีสำหรับทุกชีวิตบนโลกนี้

19 ตุลาคม 2565… เอสซีจี นำเสนอชีวิตสมาร์ทพร้อมได้ดูแลโลก ภายใต้คอนเซ็ป “Sustainability for All” ซึ่งจะนำความสุขในการใช้ชีวิต ความเพลิดเพลินของการอยู่อาศัย และสังคม สิ่งแวดล้อมที่น่าอยู่มาสู่ทุกคน ภายในงานนอกจากเอสซีจีจะนำเทคโนโลยีเพื่อการใช้ชีวิตที่ดีขึ้นมานำเสนอในงาน “SUSTAINABILITY EXPO 2022 : GOOD BALANCE, BETTER WORLD” มหกรรมด้านความยั่งยืนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในอาเซียน

อภิรัตน์ หวานชะเอม Chief Digital Office เอสซีจี ได้ร่วมเสวนาเรื่อง “เทคโนโลยีเพื่อชีวิตที่ดีกว่า”

“การทำเรื่องของ Sustainability ให้เป็นเรื่องใกล้ตัว ต้องเริ่มจาก Mindset ที่ว่า การแก้ปัญหาต้องไม่ใช่การแก้ปัญหาของตัวเองแล้วไปสร้างปัญหาให้ผู้อื่น ซึ่งผู้อื่นในที่นี้หมายถึงสรรพสิ่งร่วมโลก ไม่ว่าจะเป็นคน สัตว์ หรือสิ่งแวดล้อม รวมถึงต้องไม่เป็นภาระกับคนรุ่นต่อไปในอนาคต”

ตัวอย่างภาพภาพหนึ่งซึ่งอภิรัตน์ได้เห็นแล้วเกิดอิมแพคมากคือ ภาพถนนที่ตัดเป็นอุโมงค์ผ่านพื้นที่ป่าซึ่งสัตว์ใช้อยู่อาศัยถือเป็นการพัฒนาให้ชีวิตคนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ในขณะเดียวกันก็ไม่สร้างปัญหาให้สัตว์โลกเจ้าของพื้นที่นั้น ถือเป็น Inclusive Mindset ที่แสดงให้เห็นว่าการสร้างประโยชน์ต้องเป็นประโยชน์ที่มีร่วมกัน

“ถือเป็นตัวอย่างของ Sustainability Mindset นวัตกรรมเป็นสิ่งดีที่นำมาแก้ปัญหาแล้วสามารถทำให้ชีวิตดีขึ้นแต่ต้องไม่ใช่เฉพาะชีวิตของคนในปัจจุบัน และไม่ใช่แค่ชีวิตคน ถ้าเราสร้างนวัตกรรมโดยไม่ระวัง ใช้แต่ Design Thinking อาจจะกลายเป็นการตอบโจทย์ในปัจจุบันแต่สร้างปัญหาในอนาคต อีกเรื่องที่สำคัญคือ Sustainable Thinking ต้องไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ต้องไปด้วยกัน ทุกชีวิตทุกสรรพสิ่งในโลกนี้”

นั่นคือสิ่งที่เอสซีจีมองเรื่องของ Sustainability ซึ่งอยู่ภายใต้แนวทาง ESG 4 Plus ขยายความได้เป็น 4 เรื่องสำคัญคือ มุ่ง Net Zero 2050, Go Green, Lean เหลื่อมล้ำ, ย้ำร่วมมือ Plus เชื่อมั่น โปร่งใส

“Net zero คือเรื่องที่เมื่อคนส่วนใหญ่คิดถึงเรื่องของ Sustainability ก็จะนึกถึงเรื่องนี้เป็นหลัก ซึ่งเอสซีจีมีการใช้พลังงานสะอาดมากขึ้น ใช้เทคโนโลยี เช่น AI มาทำให้ธุรกิจของเรามีประสิทธิภาพมากขึ้น ใช้พลังงานน้อยลง ซึ่งเราตั้งเป้า Net zero ให้ได้ภายในปี 2050 ส่วนเรื่องของ Go Green เนื่องจากเราทำให้ธุรกิจเรามีประสิทธิภาพมากขึ้น ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยลง ทุกอย่างที่เราคิด นวัตกรรมที่เราทำ ไม่ว่าจะเป็นทางดิจิทัลหรือไม่ใช่ดิจิทัล ต้องมีเรื่อง Green อยู่ใน DNA เช่น เราทำ IOT เพื่อทำให้ใช้พลังงานในบ้านน้อยลง มีการนำเสนอการใช้พลังงานสะอาดให้ทุกคน เช่น Solar Roof Solutions บรรจุภัณฑ์ของเอสซีจีต้องย่อยสลายได้ ผลิตภัณฑ์ที่เป็นพลาสติกก็ต้องเป็นพลาสติกที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม”

การจะไปสู่ความยั่งยืนได้ก็ต่อเมื่อทำให้ทุกคนมาร่วมกันได้ เอสซีจีจึงมีแนวทางลดความเหลื่อมล้ำ ผ่านการพัฒนาทักษะ สร้างโอกาสให้คนทุกเจนเนอเรชั่น หรือที่เราเรียกว่า All Gens energized

“คนยุคใหม่ไม่ได้หมายถึงเฉพาะเด็ก แต่หมายถึงคนทุกเพศ ทุกวัย เรามีโครงการ WEDO Young Talent Program ดึงเด็กยุคใหม่เข้ามาทำนวัตกรรม ขณะเดียวกันรุ่นพี่ที่เกษียณแล้วแต่ยังมีไฟ ต้องการสร้างประโยชน์ให้สังคม เราก็มีโครงการ Young at Heart สามารถกลับเข้ามาทำงานกับน้อง ๆ มาเรียนรู้นวัตกรรมใหม่ ๆ ได้ นอกจากนี้เรามีโครงการที่เรียกว่า Work from Where You Are คุณทำงาน Full Time กับเอสซีจีได้โดยไม่ต้องอยู่กรุงเทพฯ เพราะฉะนั้นนอกจากเราจะกระจายรายได้ออกไปทั่วประเทศแล้ว เรายังทำให้เขาสามารถใช้ชีวิตที่อยากใช้ในขณะที่ทำงานที่อยากทำได้ กลางวันอาจจะช่วยคุณพ่อคุณแม่ทำเกษตรกรรมกลางคืนเขียนโค้ดส่งเอสซีจี ถือเป็นการลดความแออัดในเมือง อันนี้คือ Sustainable Mindset”

อภิรัตน์ เสริมว่าปัจจุบันเทคโนโลยีมีความล้ำสมัยมาก และเป็นเครื่องมือในการสร้างนวัตกรรมที่ทำให้ชีวิตคนดีขึ้น โดยเอสซีจีมีการนำเสนอเทคโนโลยีที่ทำให้คนใช้ชีวิตดีขึ้นมากมาย เริ่มต้นตั้งแต่บ้านที่ดีด้วยเทคโนโลยีที่ทำให้อากาศสะอาดขึ้น กระเบื้องและสุขภัณฑ์ที่สามารถทำความสะอาดตัวเองได้ ที่มากกว่านั้นคือ เอสซีจีมีการนำเสนอเทคโนโลยีที่ใช้ภายในบ้านเพื่อช่วยให้กลุ่มคนที่มีความเปราะบางสามารถใช้ชีวิตที่ดีได้เช่นเดียวกัน

“เอสซีจีมองว่า ชีวิตที่ดีขึ้นต้องเป็นชีวิตที่ดีขึ้นภายในบ้านด้วย เราใช้เทคโนโลยีที่เรียกว่า BCI หรือ Brain Computer Interface ที่สามารถอ่านคลื่นสมองได้เหมือนเรามีโทรจิต ช่วยให้ผู้ป่วยอัมพาตหรือติดเตียงเพียงแค่ใช้ความคิดก็สามารถดูแลตัวเองได้ เช่น ปรับระดับเตียง ปรับไฟ ปรับอุณหภูมิ และสามารถสื่อสารว่าตอนนี้หิว ตอนนี้กำลังสบายดี สิ่งเหล่านี้ไม่เพียงทำให้เขาใช้ชีวิตที่ดีขึ้นแต่ยังช่วยให้เขารู้สึกมี Self-Esteem มีความภาคภูมิใจในตัวเอง หรืออย่าง Smart Faucet ก๊อกน้ำอัจฉริยะสั่งงานด้วยเสียง เทคโนโลยีที่อยู่เบื้องหลังเราเรียกว่า Offline NLP ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่เรียกว่า Inclusive เพราะถ้าคนที่มีความบกพร่องทางสายตาก็สามารถใช้ก๊อกน้ำนี้ได้ อีกทั้งยังช่วยประหยัดน้ำ นี่คือตัวอย่างของเทคโนโลยีที่ทำให้ชีวิตดีไปอีกขั้น เป็นสิ่งที่ไม่ได้ทำให้ชีวิตของมนุษย์ดีอย่างเดียวแต่ทุกสรรพสิ่งในโลกนี้ก็ดีขึ้นด้วย”

ชิ้นงานวิจัย สั่งด้วยเสียง เปิดน้ำ น้ำเบา น้ำแรง ปิดน้ำ เพื่อสร้างความสะดวกสำหรับผู้พิการทางสายตา

อนาคตอภิรัตน์มองว่าเทคโนโลยี Well being จะล้ำสมัยกว่านี้ และคนไทยจะสามารถแข่งขันในภูมิภาคนี้ได้เพราะประเทศไทยเข้าสู่ Aging Society แล้ว ประชากรของไทยจะลดลงเรื่อย ๆ ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าประชากรวัยทำงานจะเหลือแค่ 2 คนต่อคนที่ไม่ได้ทำงานแล้ว 1 คน ในขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านมีประชากรวัยหนุ่มยังสาวมากกว่า อายุเฉลี่ยของคนส่วนใหญ่ในประเทศจะอยู่ที่ 50 ปี ดังนั้นเราจึงสู้กับประเทศต่างๆด้วยแรงงานและเกษตรกรรมอย่างเดียวไม่ได้ ต้องสู้ด้วยอุตสาหกรรมที่สามารถสร้างรายได้มากขึ้น

“อุตสาหกรรมที่ว่าก็คือ เรื่องของ Smart Technology อย่าง IOT ที่เราเรียกรวมๆว่า New Economy หรือ Digital Technology ผมเชื่อว่าเราสู้ได้แน่ ๆ แต่เรายังไม่ได้แข่ง จากนี้ไปจำเป็นต้องเริ่มแข่งขันแล้ว เอสซีจีมีเฟรมเวิร์คในการทำนวัตกรรมแต่อย่างแรกเราต้องเปลี่ยน Mindset โดยต้องเลิกเป็น User และเป็น Maker ต้องเปลี่ยนตัวเองจากการซื้อมาขายไปนวัตกรรมให้คนอื่น ต้องเชื่อว่าคนไทยสามารถทำได้ และเมื่อทำแล้วต้องเปลี่ยนนวัตกรรมให้เป็นธุรกิจรูปแบบใหม่ได้จริง ๆ โดยใช้หลัก Design Business และTechnology ซึ่งเราพิสูจน์แล้วว่าสามารถใช้ได้ในองค์กรใหญ่ เราลงทุนเทคโนโลยีแพลตฟอร์มไว้ให้เรียบร้อยแล้ว เรียกว่า Trinity:4th Gen Tech Platform เหลือแต่คนที่มีไอเดีย มีแรงบันดาลใจที่อยากจะทำให้ชีวิตดีขึ้น ยั่งยืนขึ้นเข้ามาใช้แพลตฟอร์มของเรา”

ชิ้นงานวิจัยที่เห็นทั้งภาพเสมือน และภาจริงพร้อมกัน ช่วยผู้ป่วยติดเตียง

อภิรัตน์ กล่าวในท้ายที่สุดว่า Mindset ที่จะไปสู่ความยั่งยืนในอนาคตต้องมี 3 เรื่องสำคัญคือ

  • หนึ่ง ต้องไม่แก้ปัญหาปัจจุบันแล้วสร้างปัญหาในอนาคต
  • สอง คำว่าชีวิตที่ดีขึ้นต้องเป็นทุกชีวิตในโลกนี้ไม่ว่าจะเป็นชีวิตเราหรือสัตว์โลก
  • สาม ต้องเชื่อว่าคนไทยสามารถสร้างนวัตกรรมได้และจะต้องเลิกซื้อมาขายไป

เราจะอดทน และให้โอกาสนวัตกรรมไทยได้ไปต่อ เพื่อให้นวัตกรรมเหล่านั้นมีราคาที่จับต้องได้ และถูกใช้อย่างกว้างขวาง ซึ่งในที่สุดจะมีแบรนด์นวัตกรรมไทยที่เราจะได้ภูมิใจออกสู่ตลาดโลก

 

You Might Also Like