10 เมษายน 2563…ระหว่างปิด 7 โรงแรม ทีมขาย ทีมครัว ทีมแม่บ้าน ทีมช่าง ทีมรปภ. ฯลฯ อยู่กันครบ ไม่ได้ทำงานเต็มเวลา สลับกันเข้ามา เพื่อความปลอดภัยระหว่าง #COVID19
ศุภจี สุธรรมพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) ยอมรับว่า ในวันที่ “ดุสิตธานี” มีความจำเป็นต้องปิดโรงแรมทั้ง 7 แห่งในประเทศ ซึ่งดุสิตธานีเป็น “เจ้าของ” เป็นการชั่วคราว เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 นั้น เพราะวิกฤติครั้งนี้เกิดขึ้นโดยไม่มีสัญญาณล่วงหน้า เป็นประสบการณ์ใหม่ที่ไม่คุ้นเคย ไม่ใช่แค่กระทบกับธุรกิจ แต่ยังกระทบถึงการใช้ชีวิต กระทบถึงความรู้สึก
“เราต้องอยู่ห่างจากคนที่เรารัก เราไม่สามารถแม้แต่จะกอด เพื่อปลอบประโลมใจหรือให้กำลังใจกันได้ในวันที่เราต่างต้องการมันมากที่สุด แต่เราจะต้องผ่านพ้นมันไปให้ได้ด้วยหัวใจที่เข้มแข็งและอดทน”
เบื้องหลังการบริหารจัดการวิกฤติการณ์นี้ ศุภจีบอกว่า เธอเลือกที่จะบาลานซ์ด้วยการยืดระยะเวลาและยืนหยัดจน “ดุสิตธานี” น่าจะเป็นกลุ่มท้ายๆ ที่ประกาศปิดโรงแรมเป็นการชั่วคราว ซึ่งในระหว่างนั้น ในฐานะผู้บริหาร เ ต้องประเมินสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต พร้อมๆ กับจัดวางโครงสร้างทางการเงิน ดูแลสภาพคล่อง ควบคุมต้นทุน เพื่อให้ท้ายที่สุดแล้ว พนักงานอยู่ได้ ธุรกิจอยู่ได้ ซึ่งหมายถึงผู้ถือหุ้นก็จะอยู่ได้
“สิ่งที่ยากกว่า ละเอียดอ่อนกว่า คือ การดูแลพนักงานทุกคนของดุสิตธานี ที่อยู่ร่วมกันเหมือนกับครอบครัวใหญ่ที่ผูกพันกันมานาน โดยยังคงต้องรักษาสิทธิของผู้มีส่วนได้เสียที่สำคัญ เช่น ผู้ถือหุ้น เรามีมาตรการเพื่อให้เกิดผลกระทบกับพนักงานน้อยที่สุด โดยเฉพาะพนักงานระดับปฏิบัติการ เราพยายามจะไม่ให้กระทบเลย เพราะเราทราบอยู่แล้วว่า พนักงานกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่ต้องการการประคับประคอง เราต้องดูแลให้ดี”
ศุภจี ขยายความกับ SD Perspectives ว่า พนักงาน 1,800 คน ยังมีงานหลายอย่างทำช่วงที่ปิดโรงแรม
-ทีมช่าง ก็ทำการซ่อมบำรุงโรงแรมโดยเฉพาะในส่วนกลางที่ปกติทำไม่ได้เพราะมีแขกตลอดเวลา
-ทีมครัว ก็ทำอาหารส่ง Delivery และเย็น ๆ ก็ไปส่งให้โรงพยาบาลบ้าง
-ทีมแม่บ้าน คนสวน ก็สลับกันเข้ามาดูแลความสะอาดเรียบร้อย
-ทีมรปภ. ก็ผลัดเวรกันมาดูแลความปลอดภัย
-ทีมขาย ก็เตรียมทำ Package และ Campaign ล่วงหน้า รอวันเปิดโรงแรม
“โดยรวมพนักงานไม่ได้ทำงานเต็มเวลา เพราะสลับกันเข้ามาเพื่อความปลอดภัยเฝ้าระวังเรื่องการแพร่ระบาด เวลาที่ว่างของแต่ละคน เราก็ให้ทำ Tranining Online เสริมทักษะ เตรียมพร้อมเปิดโรงแรม”
ทั้งนี้ การให้พนักงานได้รับผลกระทบน้อยที่สุด และยังทำงานต่อเนื่อง มาจากสิ่งที่ดุสิตธานีทำ ก็คือ ผู้บริหารยอมลดเงินเดือนตัวเองลง ผู้บริหารระดับสูง ระดับรองลงมา ก็ลดเงินเดือนตามส่วน ตั้งแต่ลด 50% จนถึง 25% เพื่อให้พนักงานที่อยู่ในฐานล่างปิรามิดไม่ได้รับผลกระทบ ระดับปฏิบัติการยังคงได้รับเงินเดือน 100% เต็มเหมือนเดิม ได้รับสวัสดิการเหมือนเดิม ไม่มีการลดคน แม้โรงแรมจะปิดให้บริการชั่วคราว พนักงานของเราจะได้ไม่ต้องไปเพิ่มภาระให้กับประกันสังคม เพราะดุสิตธานียังพอมีกำลัง เรายังคงดูแลทุกคนได้อย่างเท่าเทียม ส่วนเซอร์วิส ชาร์จ นั้น ถ้าโรงแรมไม่มีงาน ไม่มีรายได้ โรงแรมปิด ก็ย่อมไม่มีเซอร์วิส ชาร์จอยู่แล้ว
กล่าวได้ว่า การดูแลพนักงานตั้งแต่การยุติการให้บริการโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ ต้นปี 2562 จนถึงการปิดโรงแรม 7 แห่งเป็นการชั่วคราว คือ การรักษาพนักงานกลุ่มดุสิตธานีไว้อย่างเหนียวแน่น เพราะ “พนักงาน” คือคนที่ทำให้เกิดธุรกิจนี้ และธุรกิจนี้จะเดินหน้าต่อไปได้ก็ด้วยพนักงาน
“ในวันที่เราให้ความร่วมมือกับภาครัฐในการปิดโรงแรม เพื่อควบคุมการแพร่กระจาย และเพื่อความปลอดภัยของพนักงาน แต่เราก็ยังทำธุรกิจใหม่ๆ เช่น ดิลิเวอรี่ พนักงานของเรายังมีงานทำ เรายังพยายามหารายได้และยังแบ่งปัน เราใช้ช่วงเวลานี้ถือโอกาสซ่อมบำรุงโรงแรม ใช้ช่วงเวลานี้ปรับเปลี่ยนองค์กรด้วยการทำ Business Transformation และ Technology Transformation เพื่อให้องค์กรเกิดประสิทธิภาพและไม่เกิดความซ้ำซ้อน เราเตรียมความพร้อมเพื่อที่จะรอวันกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง”
ศุภจีเชื่อว่า วันนั้นจะเป็นที่พนักงานของเรามีขวัญและกำลังใจในการเดินหน้าไปด้วยกันอย่างมีพลัง เพราะเราผ่านความยากลำบากด้วยกันแบบที่ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลังแม้แต่คนเดียว การปิดโรงแรมครั้งนี้จะไม่มีคำว่าสูญเปล่า
ดังนั้น แม้วันนี้ห้องพักทุกห้องของโรงแรมดุสิตธานีจะถูกปิดลง แต่เมื่อประตูห้องพักถูกเปิดขึ้นอีกครั้ง “ศุภจี” มั่นใจว่า หัวใจของพนักงานทุกคนที่ได้รับการเยียวยาและดูแลจากองค์กร จะกลับมาพร้อมให้บริการลูกค้าของดุสิตธานีอย่างเข้มแข็งยิ่งกว่าเดิม